ชื่อ: เลอันโดร ทรอสซาร์ด (Leandro Trossard)
วันเดือนปีเกิด: 4 ธันวาคม 2537 (อายุ 26 ปี), มาสเมเคอเลิน, เบลเยียม
ความสูง: 1.72 เมตร สัญชาติ: เบลเยียม คู่สมรส: ลอร่า ฮิลเวน
Short name: ทรอสซาร์ด Number: 19
ประเภททีม: ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน
ประเทศ: Belgium Belgium
ด้วยศักยภาพที่เขามี เลอันโดร ทรอสซาร์ด เคยเป็นเหมือนกับอนาคตของทีมชาติเบลเยี่ยม แต่ไม่เคยไปถึงจุดนั้นแบบที่หลายคนคาดหวัง แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ เขายังลงสนามไปด้วยความมุ่งมั่น อยากพิสูจน์ให้เห็นว่า สักวันมันจะเป็นวันของเขา เขารอโอกาสที่จะได้สร้างชื่อให้เป็นที่จดจำในโลกฟุตบอล และจากการเดินทางอันยาวนาน ดูเหมือนว่าเวลาของเขาจะมาถึงแล้ว
จุดเริ่มต้น
เลอันโดร ทรอสซาร์ เกิดที่เกนต์ (Gent) ในประเทศเบลเยี่ยม เติบโตเป็นเด็กน้อยที่ชื่นชอบฟุตบอลมาเสมอ ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าเขาก็มีฝันที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นนักฟุตบอล แน่นอนว่าเขากลายเป็นแฟนบอลตัวยงที่ไปดูการแข่งขันในสนามอยู่เสมอ คุณพ่อและคุณแม่ของเขาจะพาไปดูฟุตบอลเท่าที่จะสามารถพาไปดูได้ความฝันที่ชัดเจน ทำให้ทรอสซาร์มีเป้าหมายเดียวในชีวิตคือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ในช่วงเวลาหนึ่งที่เขาได้เล่นฟุตบอลกับเพื่อน ๆ ในเบลเยี่ยม เขาสัญญากับเพื่อนๆในกลุ่มของเขาว่า อย่างน้อยต้องมีสักคนหนึ่งที่ไปถึงการได้เล่นเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แน่นอนว่าในกลุ่มเพื่อนของเขา เลอันโดร คือเด็กที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม แต่เขามีความทะเยอทะยานมากที่สุดเหมือนกัน เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงในการฝึกทักษะต่าง ๆ บนถนนที่เขาเติบโตขึ้นมา เพราะความเชื่อหนึ่งที่มีติดตัวของเขาคือ ต้องพยายามให้เต็มที่ ซ้อมให้หนักที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ความฝันเกิดขึ้นจริง
ความฝันของชาวเกนต์ (Gent)
ในฐานะคนที่เกิดในเกนต์ (Gent) แน่นอนว่าความฝันที่ใหญ่ที่สุดของเขา คือการได้เล่นให้กับหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในเบลเยี่ยม ซึ่งนั่นคือสโมสร เคอาร์ซีเกนต์ ในบ้านเกิด แต่กว่าที่เขาจะได้ไปเล่นก็อายุ 16 เข้าไปแล้ว ก่อนหน้านั้นเขาลงเล่นให้กับฟุตบอลในท้องถิ่น กว่าจะไปเข้าตาแมวมองของสโมสรก็ใช้เวลาหลายปี ในช่วงเวลาที่เขายังเล่นให้ทีมท้องถิ่นเลอันโดร ทรอสซาร์ มีไอดอลคือ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา กองหน้าในตำนานของเชลซี เป็นเรื่องทัศนคติที่ต้องทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา ซึ่งความตั้งใจของทรอสซาร์ออกผลอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เขาได้โชว์ฟอร์มทำ 42 ประตูในช่วงเวลา 2 ฤดูกาลให้กับเอฟซี โบโฮลท์ในดิวิชั่น 4 ของเบลเยี่ยม พาให้เขาได้ติดทีมชาติเบลเยี่ยมชุดเล็กจนได้ ทำให้เขากลายเป็นที่พูดถึงมากขึ้นเป็นอย่างมากเลยทีเดียวในวงการฟุตบอลเบลเยี่ยม แล้วก็ได้ลงเอยในท้ายที่สุด
ถึงจะมีดีกรีติดทีมชุดเล็กของทีมชาติเบลเยี่ยม แต่การขึ้นชุดใหญ่เป็นเรื่องยากมาก ๆ แม้ว่ามันจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเขาในช่วงเวลานั้น เขาถูกปล่อยยืมตัวกับ 4 สโมสรใน 3 ปี แต่นั่นไม่ได้ทำให้ทรอสซาร์ย่อท้อ เขาเล่นได้ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการยิง 24 ประตู ใน 2 ฤดูกาล จนสโมสรตัดสินใจที่จะมอบโอกาสเล่นชุดใหญ่ให้กับเขา ในฐานะนักเตะคนสำคัญที่สุด เขาช่วยทีมเอาไว้หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งสุดท้ายก็ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จในฤดูกาล 2018-19 ซึ่งไม่ใช่แค่ได้แชมป์ในฐานะผู้นำของทีม แต่ในฐานะหนึ่งในนักเตะจากเบลเยี่ยม ที่มีพรสวรรค์ที่สุดคนหนึ่งของประเทศ
โอกาสที่ใหญ่กว่า
ความยอดเยี่ยมของเขาที่เคอาร์ซีเกนต์ทำให้เขากลายเป็นที่สนใจทั่วยุโรป แต่ในเวลานั้นทรอสซาร์มีปัญหาสองอย่าง หนึ่งคือเขามีอาการบาดเจ็บบ่อยครั้ง สองเขาถูกมองข้ามจากทีมชาติเบลเยี่ยมชุดใหญ่เสมอ สุดท้ายกลายเป็นทีมธรรมดา ในพรีเมียร์ลีกทีม ไบรท์ตันแอนด์โฮฟอัลเบี้ยน ดึงตัวเขาเข้าร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 พร้อมสัญญายาว 4 ปีด้วยกัน พร้อมกับความคาดหวังว่า ดาวเด่นจากลีกเบลเยี่ยม จะสามารถช่วยอะไรทีมได้บ้างไม่มากก็น้อย ในช่วงแรกผลงานของ ทรอสซาร์ ไม่ค่อยปังแบบที่คาดหวัง เขาเป็นนักเตะที่เล่นดีบ้าง เล่นไม่ดีก็เยอะ ไม่มีความสม่ำเสมอ และไม่มีความโดดเด่นใดยิ่งเวลาผ่านไป ทรอสซาร์ แสดงเห็นจุดเด่นที่แท้จริงของเขา ไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็นการพัฒนา เขาปรับตัวได้ดีขึ้น เข้าใจการเล่นในฟุตบอลอังกฤษได้ดีขึ้น และทำผลงานได้แข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อเขาเริ่มโชว์ฟอร์มได้ต่อเนื่อง ทำให้ช่วงเวลาของเขากับ ไบรท์ตันแอนด์โฮฟอัลเบี้ยน ถือว่าทำได้อย่างน่าประทับใจ หลายครั้งเขาคือคนสำคัญของทีมที่ช่วยพาทีมมีแต้มติดมือ และเริ่มมีทีมใหญ่หลายทีมพยายามดึงเขาเข้าไปร่วมทีม จนกระทั่งมาถึงโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา กับการยิงแฮททริคใส่ลิเวอร์พูลถึงแอนฟิลด์ ในเกมที่ไบร์ทตันบุกไปเสมอหงส์แดง 3-3 ซึ่งทำให้ทรอสซาร์กลายเป็นนักเตะคนแรกของไบร์ทตันที่ทำแฮททริคได้ในพรีเมียร์ลีก
สิ่งสำคัญที่สุดคือทรอสซาร์ได้ทำเต็มที่เสมอกับทุกโอกาสที่เขาได้รับ และมันทำให้เขากลายเป็นที่พูดถึงหลังโชว์ผลงานยอดเยี่ยมในการเจอกับทีมใหญ่อย่างลิเวอร์พูล ด้วยฟอร์มที่ดีมาเรื่อยๆกับไบรท์ตัน การมีข่าวกับทีมที่ใหญ่ขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก โดยในช่วงหลังจะเป็นเชลซี นั่นทำให้มีความเป็นไปได้ที่เขาจะได้ก้าวไปอีกขั้นในอาชีพการค้าแข้ง ชีวิตของทรอสซาร์อาจใช้เวลานานกว่าที่หลายคนคิด ในการฉายแสงกับฐานะยอดนักเตะ และวันนี้เขาพร้อมแล้วที่จะทำให้ทุกคนได้จดจำชื่อของเขาได้แล้ว
อย่าพลาด! ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับวงการฟุตบอลได้ที่นี่ dhorball.com